เป็นการปิดท้ายการค้าแข้งกับทีมชาติ โปรตุเกสที่ ไม่สมหวังอีกครั้ง สำหรับ ดาวยิงระดับตำนาน อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด ที่โดนทีมม้ามืดอย่าง โมร็อกโก สอยร่วง อย่างน่าเสียดาย

เปิดสถิติที่สวนทางกันของ “ดาวยิงโปรตุเกส” กับ “กุนซือโมร็อกโก” ผู้พาแอฟริกาชาติแรกเข้ารอบรองชนะเลิศ ในฟุตบอลโลก 2022

 

วันที่ 11 ธันวาคม 2565 สถิติที่น่าสนใจหลังเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่ง ทีมชาติโมร็อกโก อยู่อันดับ 22 ของโลก ที่ใครๆก็มองว่าเป็นรอง กลับพลิกล็อกเอาชนะ ทีมชาติโปรตุเกส ทีมอันดับ 9 ของโลก ด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ “สิงโตแอตลาส” กลายเป็นชาติแรกจากทวีปแอฟริกา ที่สามารถทะลุถึงรอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แซงหน้า แคเมอรูน (ปี 1990), เซเนกัล (ปี 2002) และ กานา (ปี 2010) ที่เคยไปได้ไกลที่สุดในรอบ 8 ทีม

 

 

พี่โด้สัมผัสบอลเพียง 10 ครั้งเท่านั้น

ด้านเว็บไซต์ bettingroon.com เปิดเผยว่า อดีตกองหน้าแมนฯยู คริสเตียโน โรนัลโด มีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 10 ครั้งเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดของทีมชาติโปรตุเกส แม้ว่าจะลงมาเป็นตัวสำรองแทน รูเบน เนเวส ตั้งแต่นาทีที่ 51 ก็ตาม และยังน้อยกว่าแม้กระทั่ง ริคาร์โด ออร์ตา กองหน้าที่ลงมาเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายแทน ดิโอโก ดาโลต์ ในนาทีที่ 79 ซึ่งมีโอกาสสัมผัสบอล 12 ครั้ง

นอกจากนี้ โรนัลโด ยังมีโอกาสยิงเพียงครั้งเดียวในเกมนี้ นั่นคือจังหวะที่หลุดไปซัดในช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+1 แต่ก็ถูก ยาสซีน บูนู ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

ทำให้ โมร็อกโก เพิ่งจะเสียเพียงประตูเดียวตลอด 5 นัดในฟุตบอลโลก 2022 และยังไม่โดนผู้เล่นคู่แข่งทะลวงตาข่ายอีกด้วย เนื่องจาก 1 ลูกที่โดนยิงเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ นาเยฟ อาเกิร์ด ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มเอฟ ซึ่งชนะ แคนาดา 2-1

 

วาลิด เรกรากุย กุนซือ ที่คุมเกมส์น้อยที่สุด แต่เข้ารอบลึกที่สุด

ขณะเดียวกัน ออปตา ยังเปิดเผยว่า วาลิด เรกรากุย กุนซือทีมชาติโมร็อกโก กลายเป็นโค้ชคนแรกในรอบ 56 ปี ที่คุมทีมชาติน้อยที่สุด แต่สามารถพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ โดย เรกรากุย เพิ่งทำหน้าที่เป็นนัดที่ 8 เท่านั้น หลังจากเคยคุมแค่ 3 สโมสรก่อนเข้ามารับงานต่อจาก วาลิด ฮาลิลฮอดซิช เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา

ส่วนสถิติที่น้อยสุดเป็นของ ออตโต กลอเรีย อดีตผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส ชุดฟุตบอลโลก 1966 ซึ่งคุมทีมเพียง 5 นัด แต่สามารถพา “ฝอยทอง” เข้ารอบรองชนะเลิศ แต่ไปแพ้ อังกฤษ เจ้าภาพและแชมป์โลกในครั้งนั้น ก่อนที่ โปรตุเกส จะเอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 คว้าอันดับ